เรามีบริการออกแบบและติดตั้งพรมปูพื้นคุณภาพดี ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ มากมายหลายแบบที่เราคัดสรรมาให้ท่าน แต่ก่อนที่ท่านจะเลือกใช้พรมปูพื้นนั้น ก็ควรรู้ถึงข้อมูลต่างๆ รวมถึงข้อแนะนำในการเลือกซื้อพรมปูพื้นก่อนนะคะ
เรื่องที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อพรมปูพื้น
การปูพรมนั้นไม่ได้ให้เพียงแค่ความสวยงามและทำให้บ้านดูมีสไตล์เพิ่มขึ้น แต่ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ ซึ่งการปูพรมนั้นจะดีกว่าปล่อยให้พื้นบ้านโล่งๆยังไง และควรจะเลือกซื้อพรมปูพื้นแบบไหน เราจะพาไปดูกันค่ะ
ปูพรมนั้นดียังไง?
ก่อนจะเลือกพรมสักผืน ควรดูอะไรบ้าง
1. พื้นที่และลักษณะการใช้งาน
อันดับแรกที่ต้องรู้คือพื้นที่หรือห้องไหนที่ต้องการปูพรม เพื่อที่จะสามารถกำหนดขนาดรวมทั้งลักษณะในการใช้งานได้อย่างเหมาะสม
พรมปูพื้นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก
การปูพรมที่บริเวณห้องนั่งเล่นนั้น เหมือนเป็นการช่วยจำกัดพื้นที่ให้ทุกคนอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นไปในตัว ซึ่งการเลือกขนาดของพรมนั้น สามารถดูได้จากพื้นที่ของชุดโซฟาเป็นหลัก ถ้าหากไม่สามารถหาขนาดที่พอดีได้ ก็สามารถเลือกขนาดที่เลยออกมาจากชุดโซฟาเล็กน้อย หรือให้ขนาดของชุดโซฟาเลยออกมาเล็กน้อยได้ค่ะ โดยพรมที่ใช้ควรเป็นพรมที่มีขนสั้นหรือผิวเรียบ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการใช้งานและโดนกดทับค่อนข้างมาก แถมพรมลักษณะนี้ยังทำความสะอาดได้ง่ายด้วยค่ะ
พรมปูพื้นห้องรับประทานอาหาร
เช่นเดียวกันกับห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก ที่ต้องดูพื้นที่ของโต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหาร ว่ามีความกว้างขนาดไหน ซึ่งเวลานั่งรับประทานอาหารนั้น เก้าอี้ทั้งหมดจะต้องไม่เลยพื้นที่ที่ปูพรมออกมา จึงสามารถเลือกได้ทั้งพรมที่มีขนาดพอดีหรือมีขนาดกว้างกว่าเล็กน้อยนั่นเองค่ะ ไม่ควรเลือกแบบที่มีขนาดเล็กกว่านะคะ ส่วนพื้นผิวของพรมที่ใช้ก็ควรจะเป็นแบบขนสั้นหรือผิวเรียบ เช่นเดียวกับห้องรับแขก ที่สามารถทำความสะอาดและดูดฝุ่นได้ง่ายเหมือนกัน
พรมปูพื้นห้องนอน
มาถึงห้องนอนที่ต้องการบรรยากาศผ่อนคลาย เพื่อให้เหมาะกับการพักผ่อนมากที่สุด จึงควรเลือกใช้พรมที่มีลักษณะนุ่มฟู ขนหนาแน่น ส่วนการเลือกขนาดพรมสำหรับปูบริเวณเตียงนอนนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ให้ด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่งมีพรมมารองรับอย่างเต็มพื้นที่ตลอดแนว เพราะเป็นส่วนที่เท้าเราจะสัมผัสเสมอเวลาขึ้นหรือลงจากเตียง บริเวณท้ายเตียงและหัวเตียงนั้นอาจจะสั้นหรือเลยออกมาเล็กน้อยก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ
2. เลือกจากวัสดุของพรม
หลังจากที่วางแผนการปูพรมโดยดูจากพื้นที่การใช้งานแล้ว ก็ยังต้องมาดูกันต่อในเรื่องของวัสดุที่ใช้ ว่าพรมชนิดไหนมีลักษณะหรือเหมาะกับการใช้งานแบบใดบ้าง
พรมไนลอน (Nylon)
ถ้าพูดถึงเรื่องความทนทานและได้รับความนิยมมากที่สุด ก็ต้องยกให้พรมไนลอนเลยค่ะ นั่นเพราะคุณสมบัติที่ทั้งป้องกันน้ำ รอยขีดข่วน เชื้อราและสารเคมี แถมยังมีหลายสีหลากดีไซน์ รวมทั้งถ้าเทียบกับคุณภาพแล้วก็ถือว่าราคาไม่สูงเกินไปด้วยค่ะ
พรมโพลีโพรไพลีน (Polypropylene)
พรมที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากพรมไนลอน ที่มีคุณสมบัติเด่นในการป้องกันคราบสกปรกต่างๆมากที่สุด จึงเหมาะกับบริเวณที่ได้รับการกดทับและใช้งานค่อนข้างหนักอย่างการใช้ในห้องนั่งเล่น แถมยังทำความสะอาดง่าย และราคาย่อมเยากว่าพรมชนิดอื่นๆ
พรมโพลีเอสเตอร์ (Polyester)
ถ้าหากอยากได้พรมสำหรับปูในห้องนอนก็ขอแนะนำพรมชนิดนี้เลยค่ะ เพราะด้วยสัมผัสที่นุ่มฟู ดูหรูหราและมีคุณสมบัติในการกันน้ำพร้อมทั้งดักจับฝุ่นเป็นเลิศ แต่ก็ทำความสะอาดได้ยากและไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก
พรมโพลีเอทิลีน (Polyethylene)
พรมรักษ์โลกที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมีการใช้พลาสติกรีไซเคิลมาเป็นวัสดุในการผลิต ซึ่งข้อดีก็คือสามารถป้องกันคราบสกปรกต่างๆ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ราคาไม่สูง ซึ่งแน่นอนว่าจะมีสัมผัสที่ไม่นุ่มเท่าพรมชนิดอื่นๆนะคะ
พรมขนสัตว์ (Wool)
สำหรับบ้านที่งบถึงและต้องการพรมที่ดูหรูหรา หนานุ่ม และแข็งแรงทนทาน ครบครันในผืนเดียว ก็สามารถเลือกพรมขนสัตว์ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ 100% ได้เลยค่ะ ถึงราคาจะสูงแต่คุณภาพก็เหมาะสมกับราคา และแน่นอนว่าการใช้วัสดุจากธรรมชาตินั้นทำให้ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษที่ยากกว่าพรมชนิดอื่น ซึ่งต้องระวังเรื่องของแมลงและการก่อให้เกิดภูมิแพ้ด้วย
พรมอะคริลิก (Acrylic)
หากอยากได้พรมขนสัตว์ในงบประมาณที่ประหยัดกว่า ก็สามารถใช้พรมอะคริลิกแทนได้ค่ะ เพราะเป็นพรมที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งความทนทานอาจสู้ไม่ได้ แต่โดดเด่นในเรื่องของความสวยงามและป้องกันคราบรวมทั้งความชื้นได้ดีเลยทีเดียว
พรมกันไรฝุ่น Beyond Series
พรมกันไรฝุ่น Carpet Tile – CHILL
3. การเลือกสีหรือดีไซน์ให้เหมาะสม
การเลือกสีของพรมจะช่วยทำให้ห้องมีบรรกาศที่ต่างกันไป ซึ่งนอกจากความพอใจแล้วก็ยังมีเรื่องของภาพรวมที่เหมาะสมด้วย